《天人之合,堂皇典范——中国古代皇家宫苑之美》线上图片展(下)

3. พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน

พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน เป็นสวนหลวงในสมัยราชวงศ์ชิง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของปักกิ่ง เดิมมีชื่อว่า ชิงอีหยวน สร้างขึ้นในปี 1750 มีพื้นที่ 290 เฮกตาร์ เป็นสวนหลวงโบราณที่ใหญ่ที่สุดและอนุรักษ์ไว้ได้สมบูรณ์ที่สุด พื้นที่โดยรวมมีภูเขาอยู่ทางทิศเหนือ ตรงกลางเป็นทะเลสาบ กลางทะเลสาบมีเกาะ มีภูเขาว่านโช่วและทะเลสาบคุนหมิง เป็นการใช้ทิวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ต่างๆ ในจีนและศิลปะเทคนิคการสร้างสวน ใช้ภูเขาและน้ำตามธรรมชาติสร้างเป็นสวน สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบของสวนหลวงจีนโบราณ ในปี 1998 พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เช่นเดียวกับสถานที่พักร้อนเฉิงเต๋อในมณฑลเหอเป่ย สวนจัวเจิ้งและสวนหลิวในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ได้รับขนานนามว่าเป็นสี่สวนสำคัญของจีน

01

1.ทัศนียภาพโดยรอบของอี๋เหอหยวน  ภาพโดย หม่าเหวินเซียว

        ภูเขาซีซานในปักกิ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าขุนนางในราชวงศ์หลายยุคสมัย ภูเขาว่านโช่วที่ถูกขนาบด้วยทะเลสาบคุนหมิงและภูเขาซีซานที่อยู่ห่างไกลถือเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาไท่หาง การปีนเขาและการเดินชมสวนถือเป็นการพักผ่อนหย่อนใจของเหล่าจักรพรรดิโบราณ ในช่วงปลายราชวงศ์ชิง เนื่องจากเป็นดังสภาพแวดล้อมในฝัน อี๋เหอหยวนจึงถูกใช้เป็นสถานที่ในการว่าราชการบ้านเมืองของราชวงศ์

02

2.ถนนซูโจว  ภาพโดย จางเสี่ยวเหลียน

        จักรพรรดิเฉียนหลง (ค.ศ. 1711-1799) ผู้ซึ่งชื่นชอบสไตล์หมู่บ้านริมน้ำเจียงหนาน พระองค์ทรงรับสั่งให้สร้างถนนค้าขายสไตล์เจียงหนานในบริเวณสองฝั่งแม่น้ำสวนชิงอี ด้านหลังภูเขาว่านโช่ว และตั้งชื่อให้ว่า ถนนซูโจว ซึ่งต่อมาค่อยๆ ก่อตัวเป็นกลุ่มอาคารสไตล์ชุมชนริมน้ำพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์

03

3.สี่ทวีปใหญ่  ภาพโดย จางเสี่ยวเหลียน

        สี่ทวีปใหญ่คือกลุ่มอาคารสไตล์ทิเบตบนภูเขาด้านหลังของภูเขาว่านโช่วในพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน มีบ้านหินหลากหลายรูปแบบ หอคอยลามะ ที่สร้างตามลักษณะความลาดชันของหมู่เขาหิน ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียว

04

4.หมู่สถาปัตยกรรมแห่งภูเขาว่านโซ่ว  ภาพโดย จางเสี่ยวเหลียน

        หมู่สถาปัตยกรรมบนภูเขาว่านโซ่ว ตั้งอยู่ใจกลางของพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน มีความสมบูรณ์ที่สุดและมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีความหลากหลายที่สุด จากทะเลสาบจนถึงยอดภูเขา อาคารต่างๆ ถูกสร้างจัดวางเป็นชั้นๆ อย่างมีระเบียบ และมีความงดงาม อาคารรูปเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในภาพคือหอฝอเซียงเก๋อ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน

05

5.หอฝอเซียงเก๋อ  ภาพโดย หลัวหมิง

        หอฝอเซียงเก๋อเป็นอาคารหลักของพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน สร้างขึ้นบนฐานสี่เหลี่ยมบนภูเขาว่านโซ่ว หันหน้าไปทางทะเลสาบคุนหมิง ถือเป็นจุดศูนย์กลาง สองด้านมีหมู่สถาปัตยกรรมรายล้อม หอฝอเซียงเก๋อมีความสูง 40 เมตร ภายในมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สำริดเต็มองค์ยืนตระหง่าน มีความวิจิตรงดงามและศักดิ์สิทธิ์

06

6.เรือหินอ่อน  ภาพโดย หลัวหมิง

        เรือหินอ่อนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบคุนหมิง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1755 และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1893 ตัวเรือทำมาจากหินแกะสลักขนาดใหญ่ มีความยาว 36 เมตร  เป็นเรือโดยสารสไตล์ตะวันตก พร้อมหน้าต่างที่ประดับด้วยกระจกห้าสี

07

7.ศาลาชิงเหยา  ภาพโดย อู๋เชาอิง

        ศาลาชิงเหยาตั้งอยู่ระเบียงทางเดินทางทิศตะวันตกของพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน มีหลังคาเป็นรูปแปดเหลี่ยม มีแผ่นป้ายด้านบนเขียนไว้ว่า “ฝูจิ้งชิงหลิว” หมายถึง ให้น้ำเป็นดังกระจกที่คอยควบคุมพฤติกรรมของตัวเอง แผ่นป้ายด้านตรงข้ามเขียนไว้ว่า “อวิ๋นอวี่เหอชิง” แทนถึงความปรารถนาให้มีแต่ความสงบสุข ด้านล่างของแผ่นป้ายมีภาพวาดหลากสีสัน ที่มีเนื้อหามาจากตำนานพื้นบ้าน เทพนิยาย วรรณกรรมคลาสสิกที่มีชื่อเสียงของจีน เป็นต้น

08

8.ระเบียงทางเดิน  ภาพโดย อู๋ย่าเซวียน

        ระเบียงทางเดินของพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวนมีความยาวรวม 728 เมตร ซึ่งเป็นระเบียงทางเดินที่ยาวที่สุดในบรรดาสวนโบราณของจีน เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกเบื่อที่เกิดจากระเบียงทางเดินที่ยาวและตรงเกินไป นักออกแบบจึงสร้างให้มีส่วนโค้ง ที่โค้งเป็นรูปพระจันทร์ไปตามริมฝั่งทะเลสาบ และยังสร้างศาลาพักหลายจุดตลอดระเบียงทางเดิน

09

9.หอแสดงงิ้วสวนเต๋อเหอ  ภาพโดย จางเสี่ยวเหลียน

        หอแสดงงิ้วสวนเต๋อเหอ สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1895 ตัวอาคารสูง 21 เมตร ฐานชั้นล่างกว้าง 17 เมตร เป็นสถานที่ในการชมงิ้วของเหล่าราชวงศ์ในสมัยราชวงศ์ชิง หอแสดงงิ้วสูงสามชั้นแห่งนี้ถือเป็นหอแสดงงิ้วโบราณที่ทำด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในประเทศจีน ระหว่างชั้นทั้งสามจะมีลานโล่งตรงกลางเชื่อมกัน ซึ่งนักแสดงใช้เป็นทางเข้าออกและแสดง นอกจากนี้เวทีการแสดงยังประกอบไปด้วยกลไกต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงทัศนียภาพของน้ำ และใช้ในการแสดงลอยตัวต่างๆ

10

10.ศาลาหยิ่นลวี่ในสวนเสียชวี่  ภาพโดย จางเสี่ยวเหลียน

        สวนเสียชวี่ตั้งอยู่ตรงมุมทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน จำลองมาจากการสร้างสวนทางตอนใต้ของแม่น้ำเจียงหนานของจีน ภายในสวนแห่งนี้ใช้ระเบียงนับร้อยและสะพานหินเป็นทางเชื่อมระหว่างศาลา ระเบียง ห้องโถง ศาลาและอาคารอื่นๆ “หยิ่นลวี่” เป็นการเปรียบเทียบน้ำในสระว่าเหมือนไวน์ชั้นเลิศที่ชวนดื่ม

11

11.ศาลาหลางหรู  ภาพโดย กู้ฉ่ายหัว

        ศาลาหลางหรูตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของทะเลสาบคุนหมิง ภายในศาลามีเสา 42 ต้น เป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบศาลาโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ศาลาตั้งตรงเป็นแนวเดียวกับสะพานสิบเจ็ดโค้งและเกาะหนานหู  ภายในศาลาสามารถมองเห็นสะพานสิบเจ็ดโค้งได้ในระยะใกล้ มองเห็นหอฝอเซียงเก๋อในระยะไกล หอสูง สะพาน ศาลาสูงต่ำอย่างเป็นระเบียบ เป็นทัศนียภาพที่ไร้ขอบเขต มองได้กว้างไกล ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่าศาลาหลางหรู

12

12.สะพานสิบเจ็ดโค้ง  ภาพโดย จางเสี่ยวเหลียน

        สะพานสิบเจ็ดโค้งเป็นสะพานหินขนาดใหญ่ที่สุดในพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน สะพานแห่งนี้ตั้งชื่อตามลักษณะของสะพานที่มีทั้งหมด 17 โค้ง เมื่อแสงตะวันยามอัสดงส่องแสงทอดผ่านส่วนโค้ง เกิดเป็นแสงสีทองเหลืองอร่าม วิจิตรตระการตา ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันยอดเยี่ยมและมีคุณค่าด้านสุนทรียะ

13

13.สะพานจิ้งเฉียว  ภาพโดย อู๋เชาอิง

        สะพานจิ้งเฉียวตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของทะเลสาบคุนหมิง บนสะพานมีศาลาทรงแปดเหลี่ยม พระราชวังฤดูร้อนร้อนอี๋เหอหยวนมีสะพาน 6 แห่งที่สร้างเลียนแบบฝั่งทะเลสาบซีหูในเมืองหางโจว เรียกว่า สะพานทั้งหกแห่งซีหู มีรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งสะพานจิ้งเฉียวก็เป็นหนึ่งในนั้น

14

14.ทะเลสาบคุนหมิง  ภาพโดย จางเสี่ยวเหลียน

        ทะเลสาบคุนหมิงมีพื้นที่ประมาณ 2 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นสามในสี่ของพื้นที่ทั้งหมดของพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวน ในรัชสมัย (ค.ศ.1115-1234) ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสวนหลวง และถูกรวมอยู่ในพระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวนในสมัยราชวงศ์ชิง

4.สถานที่พักร้อนบนเขาในเฉิงเต๋อ

สถานที่พักร้อนบนเขาในเฉิงเต๋อ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ เขตเมืองเฉิงเต๋อ มณฑลเหอเป่ย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่สำหรับพักร้อนและใช้ว่าราชการของจักรวรรดิแห่งราชวงศ์ชิง สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1703 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 89 ปี ครอบคลุมพื้นที่ 5.64 ล้านตารางเมตร เป็นพระราชวังโบราณที่ใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศจีน สถานที่พักร้อนแห่งนี้ออกแบบตามลักษณะของใช้ภูมิประเทศอย่างชาญฉลาด เนื่องจากเป็นภูเขาจึงแยกเป็นส่วนๆ อย่างชัดเจน มีทัศนียภาพที่หลากหลาย แบ่งออกเป็นสี่ส่วนคือ เขตภูเขา เขตพระราชวัง เขตพื้นที่ราบ และเขตพื้นที่บริเวณทะเลสาบ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีทั้งสไตล์สวน โครงสร้างและรูปแบบการก่อสร้างของทางตอนใต้ และยังอาศัยเทคนิคทั่วไปของทางตอนเหนือ ที่รวมเอาแก่นแท้ของศิลปะการทำสวนในภาคเหนือและภาคใต้ เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างศิลปะทางใต้และเหนือของจีน ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1994 สถานที่พักร้อนและหมู่วัดในเฉิงเต๋อ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก

01

1.วัดผู่ทัวจงเฉิงระยะไกล  ภาพโดย อีจื้อเจียน

        วัดผู่ถัวจงเฉิงตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสถานที่พักร้อนบนเขาและเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดรอบนอก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1771 สร้างเลียนแบบรูปทรงของพระราชวังโปตาลาในทิเบต มีอาคารสไตล์ทิเบตมากกว่า 60 แห่ง (ปัจจุบันเหลืออยู่มากกว่า 40 แห่ง) สร้างไปตามแนวเขากระจายตัวอย่างอิสระ ดูน่าอัศจรรย์ใจมาก

02

2.ประตูห้าเจดีย์  ภาพโดย กัวซู่ฮุย

        ประตูห้าเจดีย์ตั้งอยู่ตรงกลางของด้านหน้าวัดผู่ถัวจงเฉิง มีช่องประตูสีขาวบนผนัง ถูกย้อมเป็นสีเหลืองทองด้วยแสงอาทิตย์ นี่คือทัศนียภาพอันน่าอัศจรรย์ “แสงทองส่องลอดประตู” ที่โด่งดังของสถานที่พักร้อนบนเขา สถาปัตยกรรมทั้งหลังก่อด้วยอิฐ มีหน้าต่างสไตล์ทิเบต 3 ชั้น ด้านบนมีเจดีย์ลามะ 5 องค์ ตามความเชื่อของวัด ผู้ที่ลอดผ่านประตูเจดีย์นี้ถือว่าได้ทำการสักการะเสร็จสิ้นแล้ว

03

3.ซุ้มประตูกระจก  ภาพโดย อู๋ย่าเซวียน

        ซุ้มประตูกระจกตกแต่งด้วยอิฐและกระเบื้องเคลือบสีเหลืองและสีเขียว โดยทั่วไปจะเป็นสิ่งก่อสร้างลักษณะอนุสรณ์สถานที่ราชวงศ์หรือวัดต่างๆ ใช้ซุ้มประตูกระจกภายในวัดผู่ถัวจงเฉิงแห่งนี้มีความหนาแน่นและสง่างาม เป็นสัญลักษณ์ของลำดับชั้นในจีนสมัยโบราณ ซุ้มประตูทั้งหมดทำด้วยกระจกที่คล้ายไม้เคลือบ แสดงถึงทักษะอันชาญฉลาดของสถาปัตยกรรมหลวงในสมัยราชวงศ์ชิง

04

4.ทัศนียภาพภายในต้าหงไถ  ภาพโดย หวางหวน

        ทัศนียภาพภายในต้าหงไถเป็นอาคารหลักของวัดผู่ถัวจงเฉิง ตั้งอยู่บริเวณจุดสูงสุดของวัด ประกอบด้วยตัวอาคารหลายแห่งเชื่อมต่อกันอย่างชาญฉลาด ภายในอาคารล้อมรอบด้วยสี่ด้าน โดยมีเสาสีแดงและเพดานสีสันสดใสตามทางเดินในแต่ละชั้น บริเวณลานตรงกลางมีห้องโถงว่านฝ่ากุยอี (หมื่นพุทธธรรมกลับคืนสู่หนึ่งเดียว) ยังมีห้องโถงปิดทองสูงกว่าอาคารโดยรอบและมีแสงสีทองส่องประกาย

05

5.มุมหลังคาสีทอง  ภาพโดย อู๋ย่าเซวียน

        นี่คือมุมด้านหนึ่งของหลังคาห้องโถงใหญ่ของวัดผู่ถัวจงเฉิง ที่มุงด้วยกระเบื้องเกล็ดทอง ชายคาสูง ตกแต่งด้วยสัตว์สันทองและระฆังวิเศษ เป็นต้น โดยอาศัยฝีมือที่วิจิตรประณีต แสดงถึงความสง่างามของพระตำหนักของราชวงศ์โบราณ

06

6.พระตำหนักเมี่ยวเกาจวงเหยียนแห่งวัดซวีหมีฝูโซ่ว  ภาพโดย อู๋ย่าเซวียน

        นี่คือทัศนียภาพภายในของพระตำหนักเมี่ยวเกาจวงเหยียนแห่งวัดซวีหมีฝูโซ่ว ห้องโถงใหญ่ถูกล้อมรอบด้วยทางเดินสี่เหลี่ยม หลังคาของห้องตกแต่งด้วยเพดานกระสุนอันจิตรประณีต

07

7.ทัศนียภาพของวัดผู่หนิง  ภาพโดย อู๋ย่าเซวียน

        วัดผู่หนิงเป็นหนึ่งในแปดวัดรอบนอกของสถานที่พักร้อนบนเขา ภายในวัดมีพระธรรมจักรปาเป่าสีทองตั้งจัดแสดงไว้ สะท้อนรับกับผนังสีแดงเรีองรอง ในพระพุทธศาสนาสื่อแทนวงล้อแห่งธรรม ชี้นำสรรพชีวิต

08

8.พื้นที่ทะเลสาบในสถานที่พักร้อนบนเขา  ภาพโดย อีจื้อเจียน

พื้นที่ทะเลสาบในสถานที่พักร้อนบนเขามีเกาะ เขื่อน และศาลาที่จำลองมาจากสวนทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีในประเทศจีน

09

9.ศาลาใจกลางน้ำ (สุ่ยซินเซี่ย)  โดย อู๋ย่าเซวียน

ศาลาใจกลางน้ำตั้งอยู่ในบริเวณทะเลสาบในสถานที่พักร้อนบนเขา เป็นศาลากลางน้ำที่สร้างขึ้นบนฐานของสะพานหินในทะเลสาบ  ศาลาขนาดใหญ่มีสองหลังและหลังเล็กหนึ่งหลัง โดยมีส่วนโค้งที่ปลายทั้งสองข้าง เมื่อเดินเข้าไปก็จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพมุมกว้างของพื้นที่ทะเลสาบได้

10

10.หอเหยียนยวี่ในสถานที่พักร้อนบนเขา  ภาพโดย อีจื้อเจียน

หอเหยียนยวี่ในสถานที่พักร้อนบนเขาตั้งอยู่บนเกาะชิงเหลียน เป็นสถานที่ที่สร้างเลียนแบบและตั้งชื่อตาม “หอเหยียนยวี่” ในเมืองเจียซิง มณฑลเจ้อเจียง คำว่า “เหยียนยวี่” มีที่มาจากบทกวีที่มีชื่อเสียงของจีน เป็นหอที่สร้างบนน้ำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งเจียงหนาน เมื่อขึ้นไปบนหอจะสามารถมองเห็นได้รอบทิศ มองเห็นภูเขาที่อยู่ไกลๆ เป็นภาพที่งดงามดั่งบทกวี

11

11.แม่น้ำเร่อเหอในสถานที่พักร้อนบนเขา  ภาพโดย อีจื้อเจียน

แม่น้ำเร่อเหอได้ชื่อนี้เนื่องจากมีน้ำพุร้อน ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำสำคัญของทะเลสาบในสถานที่พักร้อนบนเขา ถือเป็นแม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก โดยมีความยาวเพียง 60 เมตร เมื่อฤดูหนาวมาเยือน หมู่บ้านบนเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน แต่แม่น้ำเร่อเหอยังคงสภาพเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ ยิ่งทำให้ภาพของสะพานและเรือที่สะท้อนในน้ำมีความน่าสนใจยิ่งนัก

12

12.หอสมุดเหวินจินในสถานที่พักร้อนบนเขา  ภาพโดย อีจื้อเจียน

หอสมุดเหวินจินตั้งอยู่ภายในสนามเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและน้ำในพื้นที่ราบทางตะวันตกของสถานที่พักร้อนบนเขา เป็นการเลียนแบบหอเทียนอีในหนิงปัว หลังจากสร้างเสร็จสิ้นได้เก็บรักษาตำรา “ประมวลสาส์นสี่พระคลัง” และ “สารานุกรมจักรพรรดิ” ไว้อย่างละหนึ่งชุด ศาลามีสองชั้น ชั้นแรกมี 6 ห้อง และชั้นสองมี 1 ห้อง ซึ่งหมายถึง “ฟ้าให้กำเนิดน้ำ ขณะที่โลกมีน้ำหกส่วนในนั้น” มีความอ่อนโยนและสง่างามของสวนทางใต้” เดิมหลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีดำและเปลี่ยนเป็นกระเบื้องสีเทาในปี ค.ศ.1867 บริเวณโดยรอบหอมีสระน้ำ โขดหิน ดอกไม้และต้นไม้ ให้ความรู้สึกสงบเงียบของสวนทางตอนเหนือ ทั้งยังมีความงดงามอ่อนโยนของสวนทางตอนใต้

5. ภูเขาจิ่งซาน เป่ยไห่ ภูเขาเซียงซาน และพระราชวังหยวนหมิงหยวน

ตั้งอยู่ในปักกิ่ง เดิมเคยเป็นพระราชวังของจักรพรรดิจีนโบราณ ภูเขาจิ่งซานตั้งอยู่ใจกลางของกรุงปักกิ่ง สมัยก่อนเคยเป็นพื้นที่ควบคุมความสูงในเมืองปักกิ่ง เป็นจุดที่เหมาะที่สุดแก่การชมทัศนียภาพทั่วทั้งเมือง ทะเลเป่ยไห่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของภูเขาจิ่งซาน เป็นหนึ่งในสวนหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดของจีน ภูเขาเซียงซานตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปักกิ่ง ห่างจากตัวเมืองปักกิ่งไปสองพันเมตร เป็นสวนหลวงที่มีภูเขาป่าไม้ที่เป็นเอกลักษณ์แห่งหนึ่ง พระราชวังหยวนหมิงหยวนเป็นสวนหลวงโบราณขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3.5 ตารางกิโลเมตร เดิมเคยมีอาคารก่อสร้างที่มีนาดใหญ่ถึง 2 แสงตารางเมตร มีจุดชมทัศนียภาพมากมาย ได้รับขนานนามว่าเป็น “สวนที่มีหมื่นสวน” ต่อมาในช่วงสงครามฝิ่นครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1860 ได้ถูกกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสเผาทำลาย จึงถูกเรียกว่าโบราณสถานพระราชวังหยวนหมิงหยวนในปัจจุบัน

01

1.หอว่านชุนแห่งเขาจิ่งซาน  ภาพโดย ซุนเซิน

        ภูเขาจิ่งซานตั้งอยู่ใจกลางทางเหนือ-ใต้ของปักกิ่ง ทิศใต้ติดกับพระราชวังต้องห้ามกูกง ทิศตะวันตกอยู่ใกล้กับเป่ยไห่ เป็นสถานที่สำคัญในการเส่นไหว้บรรพบุรุษและอนุสรณ์สถานของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิง หอว่านชุนที่ตั้งอยู่บนยอดเขาถือเป็นจุดที่สูงที่สุดในใจกลางกรุงปักกิ่งโบราณ สามารถมองเห็นทัศนียภาพของทั่วทั้งพระราชวังต้องห้าม เป็นจุดชื่นชมสำหรับความงามของกรุงปักกิ่ง

02

2.หอจี๋ฟางท่ามกลางหิมะ  ภาพโดย หลัวหย่งเหอ

        หอจี๋ฟางเป็นหนึ่งในห้าหอบนเขาจิ่งซาน สร้างขึ้นในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงปีที่ 15 (ปี 1750) เดิมหอแห่งนี้มีการประดิษฐานพระพุทธรูปของพระอมิตาภพุทธะ

03

3.ทัศนียภาพยามค่ำคืนของภูเขาจิ่งซาน  ภาพโดย ซุนเซิน

        มองจากพระราชวังต้องห้ามชื่นชมทัศนียภาพมุมกว้างของหอทั้งห้าบนเขาจิ่งซาน (หอกวนเมี่ยว หอโจวซ่าง หอว่านชุน หอฟู่หล่าน หอจี๋ฟาง)

04

4.เป่ยไห่  ภาพโดย หม่าเหวินเสี่ยว

        เป๋ยไห่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของปักกิ่ง เป็นหนึ่งในสวนจักรวรรดิโบราณที่เก่าแก่ที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีน  ภายในสวนมีเจดีย์สีขาวบนเกาะฉงหัวในใจกลางทะเลสาบ ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเป๋ยไห่ มีความสูง 35.9 เมตร เป็นเจดีย์ลามะสไตล์ทิเบต

05

5.เสี่ยวซีเทียน  ภาพโดย หยวนปัว

        เสี่ยวซีเทียนสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1768 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1770 สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงเนื่องในวันพระราชสมภพของพระมารดา มีพื้นที่ทั้งหมด 1,200 ตารางเมตร มีโครงสร้างช่วงคาน 13.5 เมตร เป็นอาคารสไตล์ศาลาสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน

06

6.กำแพงเก้ามังกรแห่งเป่ยไห่  ภาพโดย ซงยวี่ผิง

        มังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดในวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของจักรพรรดิอีกด้วย ปัจจุบันมีกำแพงเก้ามังกรโบราณสามแห่งในประเทศจีน แต่มีเพียงกำแพงที่อยู่เป่ยไห่ที่มีสองด้าน โดยกำแพงทั้งสองด้านทำด้วยอิฐและกระเบื้องเคลือบเจ็ดสี มีมังกรสีสันต่างๆ ขนาดใหญ่ 9 ตัวในแต่ละด้าน 

07

7.เจดีย์หลิวหลีแห่งภูเขาเซียงซาน  ภาพโดย หลี่จื้อเฉียง

        เจดีย์หลิวหลีแห่งภูเขาเซียงซาน เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์หอคอยที่มีแปดด้านและมีเจ็ดชั้น สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงเนื่องในวันพระราชสมภพของพระมารดา ตั้งอยู่บนภูเขาด้านหลังทางตะวันตกเฉียงใต้ของวัดจ้าวเมี่ยวในสวนจิ้งอี๋ ภูเขาเซียงซาน

08

8.พระตำหนักฉินเจิ้งแห่งภูเขาเซียงซาน  ภาพโดย View Stock

        พระตำหนักฉินเจิ้งเป็นสถาปัตยกรรมหลวงที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดในสวนภูเขาเซียงซาน เป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิงในระหว่างพำนักในสวนจิ้งอี๋บนภูเขาเซียงซาน เป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับบริหารราชกิจและพบปะเหล่าขุนนาง

09

9.วัดปี้อวิ๋นท่ามกลางสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วง  ภาพโดย เจิ้งขุยกั๋ว

        วัดปี้อวิ๋นสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1331 ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของสวนเขาเซียงซาน เป็นวัดที่สร้างบนภูเขาทางทิศตะวันตกและหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีพื้นที่กว่า 4 หมื่นตารางเมตร ในฤดูใบไม้ร่วงจะดาษดื่นไปด้วยใบไม้สีเหลือง ใบเมเปิลห้าแฉก ใบเมเปิลสามเหลี่ยม ต้นลูกพลับและใบไม้อื่นๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงหลากหลายเฉด งดงามราวกับภาพวาด

10

10.พระราชวังหยวนหมิงหยวน  ภาพโดย หูล่างจวี่

พระราชวังหยวนหมิงหยวนเป็นสวนหลวงขนาดใหญ่ในสมัยราชวงศ์ชิง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 5,000 เอเคอร์ เป็นอัญมณีแห่งศิลปะการจัดสวนของโลก มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในด้านเนื้อที่ที่กว้างใหญ่ ทักษะการก่อสร้างที่โดดเด่น ทิวทัศน์ทางสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แหล่งเก็บรวบรวมวัฒนธรรมที่หลากหลายและวัฒนธรรมประจำชาติอันล้ำค่า ในภาพเป็นรูปของสะพานหินในสวนชีชุนภายในพระราชวังหยวนหมิงหยวน และยังเป็นสะพานหินแห่งเดียวที่เหลือรอดหลังจากกองกำลังพันธมิตรอังกฤษและฝรั่งเศสเข้าเผาทำลายพระราชวังหยวนหมิงหยวนในปี ค.ศ. 1860

ศูนย์วัฒนธรรมจีน ณ กรุงเทพฯ

曼谷中国文化中心是中国文化和旅游部派驻泰国曼谷的官方机构,以介绍中泰文化,促进两国文化交流为目的,面向泰国公众不间断开展文化活动,提供教学培训和信息服务。