เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
วัฒนธรรมสุดยิ่งใหญ่สร้างความประทับใจให้แก่ชาวขอนแก่น”
—— กิจกรรม “วัฒนธรรมจีนสู่รั้วมหาวิทยาลัย” เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนา
ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน สร้างความนิยมอย่างล้นหลามในจังหวัดขอนแก่น
เพื่อแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างจีนและไทย เมื่อวันที่ 18–19 สิงหาคมที่ผ่านมา ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ ร่วมกับสถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดกิจกรรม “วัฒนธรรมจีนสู่รั้วมหาวิทยาลัย” เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ภายในงานมีการจัดแสดงและกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรม 4 ส่วน ได้แก่ ศิลปะภาพวาดพู่กันจีน การปั้นน้ำตาล อาหารจีน และส่วนนิทรรศการภาพถ่าย “Nihao! China มรดกโลกทางวัฒนธรรม” โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัจฉราวรรณ โตภาคงาม ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น คุณเฉิน ไห่หนาน ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายไทย คุณถู หมิ่น ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายจีน พร้อมด้วยคณาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น กว่า 140 คน เข้าร่วมงาน
ในพิธีเปิดงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัจฉราวรรณ โตภาคงาม กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้บรรลุผลสำเร็จอย่างงดงามในหลากหลายสาขา กิจกรรมนี้มุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมของคนไทยผ่านประสบการณ์ตรง ดร.อัจฉราวรรณ ได้แสดงความขอบคุณศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ และสถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ร่วมจัดกิจกรรมในครั้งนี้ และขออวยพรให้กิจกรรมในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
คุณถาว อิ่ง หัวหน้าฝ่ายกิจกรรม ผู้แทนในนามของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย โครงการ “50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย” และโครงการ “วัฒนธรรมจีนสู่รั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น” ไม่เพียงแต่เป็นการจัดแสดงทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการพบกันของจิตใจที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและมิตรภาพจากทั้งสองฝ่าย ขอแสดงความขอบคุณมหาวิทยาลัยขอนแก่นและสถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สำหรับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เรายินดีที่จะทำงานร่วมกันเพื่อขยายเวทีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและไทย เพื่อให้มิตรภาพจีนและไทยเบ่งบานในใจของคนรุ่นใหม่
กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นที่สถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นเวลาสองวันติดต่อกัน กลิ่นหอมของน้ำหมึก น้ำตาลและอาหารรสเลิศผสมผสานกัน สร้างสรรค์เป็นมื้ออาหารเลิศรสและความเพลิดเพลินทางสายตา
โซนประสบการณ์การวาดภาพพู่กันจีน “ปลายพู่กันบรรจงราวดอกไม้ผลิบาน”
อาจารย์ผู้สอนการวาดภาพพู่กันจีนได้สาธิตการร่างภาพและลงสีดอกไม้ นกและทิวทัศน์ด้วยพู่กัน ปลายพู่กันอันละเอียดอ่อนและมีชีวิตชีวาเรียกเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม นักเรียนกระตือรือร้นอยากลองวาดภาพและเริ่มหยิบพู่กันขึ้นมา บางคนมือสั่นเทาด้วยความกังวลใจ ขณะที่บางคนจดจ่ออยู่กับการวาดภาพตามต้นแบบ เมื่อสร้างสรรค์ผลงานเสร็จ ทุกคนได้นำมาแลกเปลี่ยนและเปรียบเทียบกันพร้อมด้วยเสียงหัวเราะ หลายคนตื่นเต้นที่จะได้นำเสนอผลงานภาพวาดพู่กันจีนชิ้นแรกของตนเอง
โซนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้การวาดภาพด้วยน้ำตาล “ศิลปะจากน้ำตาลอันล้ำค่า”
โซนการวาดภาพด้วยน้ำตาลเต็มไปด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น อาจารย์ผู้สอนใช้ช้อนทองแดงแทนพู่กัน และน้ำตาลเชื่อมแทนหมึก สร้างสรรค์ “ภาพ” ลวดลายสัตว์ ดอกไม้และอื่นๆ สีสันสดใสน่ารัก ซึ่งดึงดูดให้ทุกคนบันทึกช่วงเวลาอันแสนวิเศษนี้ไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ เมื่อภาพวาดด้วยน้ำตาลเย็นตัวลงและเป็นรูปทรง ผู้โชคดีที่ได้รับก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมและลองกัดชิมสักหนึ่งคำ ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างอดหัวเราะออกมาไม่ได้
โซนสัมผัสประสบการณ์ “อาหารจีนรสเลิศ” เต็มไปด้วยความสนุกสนาน
นวดแป้งเกี๊ยวเป็นแผ่น ใส่ไส้เกี๊ยวและห่อด้วยมือ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างเรียนรู้วิธีทำเกี๊ยวกับเชฟจากศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ เมื่อเกี๊ยวที่ต้มร้อนๆ ออกมาจากหม้อ กลิ่นหอมก็อบอวลไปทั่วห้องอาหาร ทุกคนต่างรีบวิ่งเข้าไปชิม พร้อมกับเสียงหัวเราะ อาหารกลายเป็น “ภาษาวัฒนธรรม” ที่เข้าใจได้โดยตรงมาที่สุด
นิทรรศการสำรวจอารยธรรมมรดกทางวัฒนธรรม “แสง เงาและสีสันที่เปล่งประกาย”
นิทรรศการภาพถ่ายภายใต้หัวข้อ “Nihao! China มรดกโลกทางวัฒนธรรม” นำเสนอภาพสามมิติอันงดงามของอารยธรรมจีนผ่านสามบท บทแรกคือ “เสน่ห์โบราณพันปี” ถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์ผ่านสถานที่ทางประวัติศาสตร์ เช่น กำแพงเมืองจีนและพระราชวังต้องห้าม บทที่สองคือ “มนุษยศาสตร์ผสานความสง่างาม” นำเสนอสุนทรียศาสตร์ตะวันออกผ่านภาพจิตรกรรมฝาผนังตุนหวงและสวนซูโจว และบทที่สามคือ “ดินแดนใหม่แห่งการเดินทาง” เน้นช่วงเวลาแห่งปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวร่วมสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิม ผู้เข้าชมนิทรรศการได้ชมนิทรรศการและถ่ายภาพ สัมผัสมรดกทางวัฒนธรรมจีนอันล้ำลึกผ่านภาพถ่ายอันงดงาม นิทรรศการภาพถ่ายนี้จะจัดแสดงไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเป็นช่องทางให้คณาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้าใจวัฒนธรรมจีนมากยิ่งขึ้น
อาจารย์และนักเรียนหลายคนกล่าวว่าเสน่ห์ของน้ำหมึกในภาพวาดพู่กันจีนทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความสง่างามของศิลปะจีน ความคิดสร้างสรรค์ของภาพวาดด้วยน้ำตาลแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของภูมิปัญญาชาวบ้าน และขั้นตอนการทำเกี๊ยวด้วยมือทำให้พวกเขาได้สัมผัสถึงความสนุกสนานของวัฒนธรรมอาหารจีน ในพื้นที่นิทรรศการภาพถ่ายภายใต้หัวข้อ “Nihao! China มรดกโลกทางวัฒนธรรม” ผู้เข้าชมจำนวนมากต่างกล่าวว่า “ภาพถ่ายเหล่านี้กระตุ้นความสนใจของพวกเขาที่มีต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีนอันยาวนานและลึกซึ้ง พวกเขาหวังว่าจะมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมและสัมผัสด้วยตนเอง” ตัวแทนอาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นกล่าวด้วยความรู้สึกตื้นตันใจว่า “ประสบการณ์วัฒนธรรมเชิงโต้ตอบเช่นนี้มีชีวิตชีวามากกว่าการเรียนรู้จากในตำราเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่เพียงการจัดแสดงด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการพบกันของรสชาติ สีสันและจิตวิญญาณ ที่ทำให้เราได้สัมผัสความใกล้ชิดกับจีนอย่างแท้จริง”
กิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการสำรวจความพยายามเชิงรุกในการขยายขอบเขต “ออกจากกรุงเทพฯ” สู่ภูมิภาคของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ การนำวัฒนธรรมจีนมาเผยแพร่สู่ภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ชาวไทย โดยเฉพาะเยาวชน ได้มีส่วนร่วมและสัมผัสวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและการยอมรับในวัฒนธรรมจีนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นอีกด้วย ในอนาคต ศูนย์ฯ จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานด้านวัฒนธรรมทั่วประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าเรื่องราวและทัศนียภาพอันงดงามของชาวจีนจะหยั่งรากและเบ่งบานในหลากหลายพื้นที่มากยิ่งขึ้น
