


เมื่อวันที่ 24 กันยายน สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้จัดงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่เนื่องในโอกาสครบรอบ 76 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร บูธด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งจัดขึ้นร่วมกันโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นจุดเด่นของงาน ดึงดูดผู้เข้าร่วมด้วยบรรยากาศอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์ทางวัฒนธรรมและกิจกรรมเชิงโต้ตอบที่สนุกสนาน


บูธวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจัดในหัวข้อ “Nihao! China” โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ ส่วนจัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมและส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งมีเนื้อหาที่หลากหลายและรูปแบบแปลกใหม่ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการวัฒนธรรมได้เชิญอาจารย์สอนการเขียนพู่กันจีนและการภาพวาดพู่กันจีนมาสร้างสรรค์ผลงานภายในงาน ผู้เข้าชมสามารถออกแบบผลงานการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดพู่กันจีนเป็นของขวัญได้ด้วยตนเอง พร้อมสัมผัสเสน่ห์ของศิลปะจีนอย่างใกล้ชิด นิทรรศการการท่องเที่ยวได้นำเสนอการท่องเที่ยวในหัวข้อ “เส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำเหลือง” “ทัวร์ชิมอาหาร” “มรดกโลก” “การท่องเที่ยวฤดูหนาว” และ “เส้นทางสายไหม” รวมถึงเส้นทางท่องเที่ยวคลาสสิกอย่างกานซู่และทิเบต ผ่านภาพถ่ายอันงดงามและการให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงฉากจำลองสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น หอสักการะฟ้า ถ้ำโม่เกาและหงหยาต้ง พร้อมทั้งตู้ถ่ายภาพฟรี ซึ่งดึงดูดผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากให้เข้ามาสอบถามข้อมูลและร่วมถ่ายรูปเช็กอิน



ในระหว่างงานเลี้ยงฉลอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง รวมถึงแขกผู้มีเกียรติชาวจีนและชาวต่างประเทศ พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายจาง เจี้ยนเว่ยและภริยา ได้เยี่ยมชมบูธด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างอบอุ่นกับศิลปินและได้สัมผัสวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ ได้เชิญคณะศิลปะจากมณฑลกานซู่ ประเทศจีน มานำเสนอการแสดงนาฏศิลป์ที่เปี่ยมด้วยกลิ่นอายของกลุ่มชาติพันธุ์ ท่วงท่ามีความแข็งแรงและพลิ้วไหว เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ช่วยยกระดับบรรยากาศให้คึกคักถึงขีดสุดและได้รับเสียงปรบมือกึกก้องอย่างต่อเนื่อง

บูธวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจัดในหัวข้อ “Nihao! China” ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นความหลากหลายของวัฒนธรรมจีนและความสะดวกสบายของการท่องเที่ยวในยุคใหม่ได้อย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนด้านมนุษยศาสตร์และความสัมพันธ์อันเป็นมิตรระหว่างจีนกับไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จนกลายเป็น “นามบัตรจีน” ที่โดดเด่นในงานเลี้ยงฉลองวันชาติจีนครั้งนี้