

เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ส่งเสริมมิตรภาพอันงดงามระหว่างไทย-จีน และสะท้อนรากฐานอันลึกซึ้งของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดคอนเสิร์ต “เสียงดนตรีแคว้นหลู่ คลอคู่ท่วงทำนองไทย” เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายภาคส่วนของไทยเข้าร่วมงานกว่า 500 คน อาทิ ดร.อาทิตยา ปัญญา ผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานการพัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการแห่งประเทศไทย, อาจารย์มนตรี ปัญญาวงศ์ขันติ นายกสมาคมครูภาษาจีนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ, คุณจ้าว ซิน ผู้รับผิดชอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ, นายแพทย์ภาวิต ปุญญฤทธิ์ นายกสมาคมผู้ปกครองและครูสวนกุหลาบวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์, คุณหวัง เสี่ยวเยี่ยน ผู้อำนวยการศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศ สำนักงานกรุงเทพฯ, คุณสวี ซีเฟิง ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยซานตง, ดร.ภูมิสิษฐ์ สุคนธวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เป็นต้น

อาจารย์มนตรี ปัญญาวงศ์ขันติ กล่าวว่า คอนเสิร์ตในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเฉลิมฉลองวาระประวัติศาสตร์ครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน โดยใช้เสียงดนตรีซึ่งเป็นศิลปะแห่งการสื่อสารไร้พรมแดนทางภาษาและเชื้อชาติ เป็นสื่อกลางในการส่งเสริมให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้เข้าใจวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ดนตรีเป็นหนึ่งในรูปแบบของศิลปะที่สามารถเข้าถึงจิตใจของผู้คนได้ดีที่สุด และเชื่อว่าการแสดงในวันนี้จะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในหลากหลายมิติระหว่างสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หรือแม้แต่การเมือง ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์อันดีและความไว้วางใจซึ่งกันและกันของประชาชนทั้งสองฝ่าย

ดร.อาทิตยา ปัญญา กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศจีนมีความใกล้ชิดกันในด้านภูมิศาสตร์ อีกทั้งมิตรภาพระหว่างสองประเทศก็สืบเนื่องมาอย่างยาวนาน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศต่างยึดหลักการเคารพซึ่งกันและกันและแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเท่าเทียม อีกทั้งยังได้ร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นในการพัฒนาหลากหลายด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา และวัฒนธรรม คอนเสิร์ตในวันนี้จึงมิใช่เพียงแค่การเฉลิมฉลองมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างไทย-จีนเท่านั้น หากยังสะท้อนความมุ่งหวังของทั้งสองประเทศที่จะเดินหน้าร่วมกันต่อไป เสริมสร้างความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และไว้วางใจซึ่งกันและกันให้มากยิ่งขึ้นในอนาคต

คุณหวัง เสี่ยวเยี่ยน กล่าวว่า การศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมความเชื่อมั่นทางการเมืองระหว่างสองประเทศ คอนเสิร์ตในวันนี้ไม่เพียงเป็นการเชื่อมโยงจิตใจระหว่างเยาวชนของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนและมีชีวิตชีวาของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไทย–จีนที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ หวังว่าจะสามารถใช้โอกาสครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์เป็นแรงผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาระหว่างจีน-ไทยอย่างต่อเนื่องและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น พร้อมนำไปสู่บทเพลงแห่งความสัมพันธ์อันแนบแน่นและมิตรภาพอันยั่งยืนระหว่างประชาชนไทย–จีนต่อไป

คุณจ้าว ซิน กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนและประเทศไทยได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการเปิดศักราชใหม่แห่งความร่วมมืออย่างรอบด้าน ในขณะเดียวกัน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ ก็ยังคงยึดมั่นในความตั้งใจเดิม “ส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาผู้คน และขับเคลื่อนการท่องเที่ยวผ่านวัฒนธรรม” โดยมุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมให้สาธารณชนชาวไทยได้เรียนรู้และใกล้ชิดกับประเทศจีนมากยิ่งขึ้น หวังว่าคอนเสิร์ต “เสียงดนตรีแคว้นหลู่ คลอคู่ท่วงทำนองไทย” จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างอารยธรรมจีน–ไทย รวมถึงเสริมสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ในการเชื่อมโยงจิตใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งสานต่อมิตรภาพจีน–ไทยให้ก้าวสู่บทใหม่ผ่านท่วงทำนองแห่งดนตรี


การแสดงดนตรีครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือของคณะนักดนตรีเยาวชนดนตรีพื้นเมืองซานตง ซึ่งประกอบด้วยคณาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยซานตงและวิทยาลัยเต๋อโจว ร่วมกับคณาจารย์และนักเรียนจากวงดนตรีของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ประเทศไทย โดยร่วมกันถ่ายทอดบทเพลงอย่างสุดความสามารถและด้วยความตั้งใจอย่างแท้จริง ทั้งนี้โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยได้นำเสนอผลงานดนตรีและนาฏศิลป์ 3 ชุด ได้แก่ “รำกลองยาวของไทย” “เมฆงามตามจันทรา” และ “ค้างคาวกินกล้วย” ซึ่งล้วนมีจังหวะที่สนุกสนาน การออกแบบท่าทางที่แปลกใหม่ ผสานกับการแสดงที่เต็มไปด้วยพลังและความสดใส จนได้รับเสียงปรบมือกึกก้องจากผู้ชมในโรงละคร ในด้านของคณะนักดนตรีเยาวชนดนตรีพื้นเมืองซานตงก็ได้นำเสนอการแสดงที่มีสีสันอันหลากหลาย อาทิ การบรรเลงดนตรี การเต้นรำ และการขับร้องเดี่ยว โดยเฉพาะการบรรเลงวงดนตรีพื้นเมืองผสมวงใหญ่ในบทเพลง “มังกรคะนองพยัคฆ์ผยอง” “แบกภูผา” และ “ถวิลหาเขียวขจี” ที่เปี่ยมด้วยพลังและความไพเราะ อันสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามของผืนแผ่นดินจีนและความรู้สึกอันลึกซึ้งที่มีต่อแผ่นดินเกิด ต่อมาคือบทเพลงบรรเลงร่วมของซอหูฉินเรื่อง “บทสดุดีแห่งแคว้นฉู่” แสดงให้เห็นถึงฝีมืออันเชี่ยวชาญและอรรถรสทางดนตรีที่ลึกซึ้ง ถ่ายทอดเสน่ห์อันมีเอกลักษณ์ของดนตรีพื้นเมืองจีนแบบดั้งเดิมได้อย่างงดงาม การบรรเลงร่วมกันระหว่างขลุ่ยซวินและกู่เจิงในบทเพลง “ดอกเหมยซานโน่ง” งดงามด้วยสไตล์ดั้งเดิม เรียบง่ายแต่ละเมียดละไม เสียงดนตรีกังวานต่อเนื่องตราตรึงอยู่ในใจ ส่วนบทเพลงเครื่องเป่าและเครื่องเคาะชุด “บุปผางามดั่งแพรไหม” มีบรรยากาศคึกคัก สดใส และจังหวะชัดเจน สร้างความมีชีวิตชีวาให้กับเวที บทเพลงขับร้องสองเพลง ได้แก่ “ข้าและมาตุภูมิของข้า” และ “บทเพลงแห่งกิ่งไผ่” ได้ถ่ายทอดอารมณ์อย่างจริงใจ แฝงไว้ด้วยความรักมั่นที่มีต่อมาตุภูมิ และการยกย่องคุณธรรมอันสูงส่งผ่านเสียงร้องที่อบอุ่นและทรงพลัง ระบำเดี่ยวชุด “นกกระยางขาว” และระบำคู่ชุด “ขอเคียงข้างเธอตลอดไป” ถ่ายทอดอารมณ์และบรรยากาศของวัฒนธรรมพื้นบ้านผ่านภาษากายที่อ่อนช้อยงดงาม ถ่ายทอดทั้งกลิ่นอายความเป็นชาติพันธุ์และความรู้สึกละเมียดละไม เสริมสร้างมิติทางศิลปะด้านภาพให้การแสดงโดยรวมยิ่งน่าประทับใจ





คอนเสิร์ตในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่วัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความผูกพันทางจิตใจและการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนจีน-ไทย ศิลปินจากทั้งสองประเทศได้ร่วมบรรเลงบทเพลงแห่งมิตรภาพและสันติภาพอย่างประสานกลมกลืนผ่านภาษาศิลปะดนตรีที่ไร้พรมแดน พร้อมส่งมอบคำอวยพรที่จริงใจและงดงามเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน–ไทยอย่างสมเกียรติ




– END –
